วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรียงความเรื่อง "เรารักพระเจ้อยู่หัวและพระราชินี"


"เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี"
อันคำว่า “รัก” เป็นนามธรรม ที่เป็นเรื่องยาก ที่เป็นเรื่องสากล แต่กลับไม่มีโรงเรียนไหนในประเทศใด เปิดสอน “วิชารักเป็น” เพราะความรู้สึกคนเราต่างกัน ความรักก็เป็นหนึ่งในความรู้สึกเหล่านั้นด้วย “รัก” นิยามออกมาเป็นความหมายไม่ได้ว่ารักคืออะไร มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง แต่อันว่า “รัก” ที่สำคัญที่สุดคือ “รักตัวเอง” หากเราไม่รักตัวเอง แล้วใครอื่นไหนจะมารักเรา หลาย ๆ ครั้งที่เราต้องอยู่อย่างเดียวดายเพียงลำพัง จงรักตัวเองให้มาก หาสิ่งที่เราชอบ หรือสนใจทำ อย่าทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเราดูแลตัวเองไม่ได้ เพราะจะไม่มีใครอื่นไหนกล้าที่หยิบยื่นโอกาสให้เราได้เข้าไปดูแล “รู้จักให้อภัย รัก” คือการให้อภัย ความแตกต่างระหว่างคนสองคน หรือหลาย ๆ คน บางครั้งอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง เปิดใจให้กว้าง อาจทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นได้ดียิ่งขึ้น ทุกอย่างมักมีเหตุผล จดจำในสิ่งที่ดี ๆ รู้จักรักรู้จักให้อภัย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” จงถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน คนเราแต่ละคนเกิดมาจากคนละพ่อคนละแม่ มาจากคนละถิ่นคนละฐาน การปรับตัวเป็นการดีที่สุดที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา และเอาใจเราให้เขาดูแล “คำพูดและการกระทำ การกระทำ” การแสดงออกเป็นส่วนหนึ่งของความรัก เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นตัวสื่อรักอย่างหนึ่ง อันว่า “บอกรักล้านครั้ง ไม่เท่าการแสดงออกเพียงครั้งเดียว” ดังเช่นการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ไม่มีเวลาไหนเลยที่เราจะไม่พูดหรือไม่กระทำ ดังนั้นจำเป็นมาก ๆ ที่ต้องสื่อด้วยวิธีนี้ หากเรารู้สึกรักแต่ไม่แสดงออก แล้วใครไหนกันจะมารู้ว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา อันคำว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งแปลว่าเท้าของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าอยู่บนศีรษะ เป็นสำนวนที่แสดงให้เห็นว่าผู้พูดยกพระเจ้าแผ่นดินขึ้นเทิดทูนไว้สูงสุด โดยขอให้พระบาทของพระองค์ท่านอยู่เหนือศีรษะของตน และเมื่อกล่าวถึงพระองค์ก็ขอใช้คำอ้างถึงเฉพาะพระบาทของพระองค์ท่านเท่านั้น

ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในด้านการปกครองของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2550) ได้บัญญัติว่า...ประเทศไทยมีการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์เรียกระบอบการปกครองดังกล่าวว่าระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับประชาธิปไตยแบบรัฐสภาประชนชนคนไทยทุกคนมีเสรีภาพภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 2475 ในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นผู้ปกครองแผ่นดินสยาม จนในปัจจุบันนี้ประชาชนคนไทยทุกคน มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน โดยต้องพระแสงปืนที่พระกระหม่อม ณ พระที่นั่งบรมพิมาน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ได้ตัดสินพระทัยรับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงทรงอำลาประชาชนชาวไทย เสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม แต่เปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์ ไปเป็นสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งจำเป็นสำหรับตำแหน่งประมุขของประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนครในปีถัดมา โดยประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ต่อมาวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวสยามมากมาย ในหลวงทรงเป็นนักคิด นักพัฒนา นักมองการไกล หากศึกษาประวัติของท่านลึกลงไป จะพบว่าพระองค์ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประชาชนชาวไทยมาตลอด ดังพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ที่ยังก้องอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวไทยอยู่จนบัดนี้ พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่พร้อมทั้งความบริสุทธิ์บริบูรณ์ จึงเป็นช่วงเวลา 60 ปีที่พสกนิกรชาวไทยอยู่ได้อย่างร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบารมี พระราชกรณียกิจทั้งหลายที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทย พระราชกรณียกิจที่พระองค์พระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น อันมีดังนี้มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นมูลนิธิซึ่งพระองค์ท่านได้ มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการพัฒนาอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจ และสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้โครงการหลวง เป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขา เพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น อันมีผลผลิตจากโครงการหลวงในปัจจุบัน ประกอบด้วย ผักปลอดภัยสารพิษ สมุนไพร ถั่วและธัญพืช ผลไม้ เห็ด ดอกไม้เมืองหนาว ผลิตผลปศุสัตว์ ผลิตผลประมง ผลิตผลป่าไม้ ดอกไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์จากแฝก ไม้กระถาง และผลิตภัณฑ์แปรรูปในชื่อการค้า โครงการหลวง และ ดอยคำ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ให้เขาช่วยตัวเอง” เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่า ก่อนโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาเป็นโครงการที่พระองค์ท่านทรงริเริ่มดำเนินการทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวัง พระองค์ท่านได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างโครงการอันหลากหลายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อเป็นโรงงานตัวอย่างและพระราชทานโอกาสให้บุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่สนใจ ลักษณะของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ เป็นโครงการสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ทรงให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของเกษตรกร 2. โครงการกึ่งธุรกิจ เป็นโครงการทดลองแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร มีการจัดผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายในราคาย่อมเยาในรูปแบบที่ไม่หวังผลกำไร แต่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศไทย ซึ่งมีคุณภาพและราคาไม่แพง แก้มลิง เป็นแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน เกี่ยวกับพื้นที่หน่วงน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม มีแนวคิดจากการที่ลิงอมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มไว้ได้คราวละมากๆ พระองค์ท่านได้มีพระราชกระแสอธิบายว่า "ลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อนลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือ เต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อยๆ นำออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง"โครงการฝนหลวง เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ในพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสร้างฝนเทียมสำหรับบรรเทาปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำในการเกษตรสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นสารานุกรมภาษาไทยจัดทำขึ้นเป็นรูปเล่ม โดยมีเนื้อหาบางส่วนเผยแพร่ในระบบออนไลน์ เป็นสารานุกรมไทยแบบเป็นชุด เน้นความรู้ที่เกิดขึ้นและใช้อยู่ในประเทศไทยแกล้งดิน เป็นแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาดินเปรี้ยว หรือดินเป็นกรด โดยมีการขังน้ำไว้ในพื้นที่จนกระทั่งเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้ดินเปรี้ยวจัดจน ถึงที่สุด แล้วจึงระบายน้ำออกและปรับสภาพฟื้นฟูดินด้วยปูนขาว จนกระทั่งดินมีสภาพดีพอที่จะใช้ในการเพาะปลูกได้กังหันชัยพัฒนา เป็น สิ่งประดิษฐ์เพื่อบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการเติมอากาศแก๊สโซฮอล์ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากพระราชดำริของในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2528 ที่ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน โดยได้ทรงศึกษาการนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ และนำแอลกอฮอล์มาผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์พระมเหสีของพระองค์ท่านพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ของบุคคลผู้ยากไร้ และประชาชนในชนบทห่างไกล นอกจากปวงชนชาวไทยแล้ว บรรดาเพื่อนบ้านที่ต้องลี้ภัยอพยพมายังแผ่นดินไทย ก็ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นมูลนิธิที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากไร้ในชนบท โดยการส่งเสริมอาชีพอื่น เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ยังทรงเอาพระทัยใส่ในกิจการด้านสาธารณสุข โดยได้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย และหากเสด็จฯเยือนต่างประเทศ ก็มักจะทรงถือโอกาสเสด็จฯทอดพระเนตรกิจการกาชาดของประเทศนั้น ๆ เพื่อทรงนำมาปรับปรุงกิจการสภากาชาดไทยอยู่เสมอ ในกิจทางด้านการทหารนั้น ทรงดำรงตำแหน่งพันเอกผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ทรงให้ความสนพระทัยต่อการดำเนินงานของกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ตลอด มา โดยผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 จะเข้ามาถวายรายงานถึงผลการปฏิบัติงานพร้อมกับรับพระราชเสาวนีย์ตลอดจนคำแนะ นำไปดำเนินการปฏิบัติอยู่เป็นประจำ แต่หากว่าเรามองกลับกัน ประชาชนคนไทย ทำเพื่อพระองค์ท่านมากน้อยเพียงใด หรืออย่างน้อย ทำเพื่อประเทศชาติมากน้อยเพียงใด เราทุกคนไม่มีใครรักในหลวงและพระราชินีของเรา แต่คำว่ารักของเรานั้นหมายถึงอะไร รักเพราะพระองค์ท่านทั้งสองทำเพื่อเราจึงพูดคำว่ารัก แล้วหยุดเพียงแค่นั้นหรือ หยาดเหงื่อของพระองค์ท่านทั้งสองมีค่ามากมายต่อประเทศไทย จึงทำไห้เรารักพระองค์ท่านทั้งสอง การใส่เสื้อเหลืองเพื่อเป็นการแสดงความรักพร้อมใจกันทั่วทั้งประเทศ ถือเป็นสิ่งที่ชาติอื่นๆไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้น เพียงแค่สวมใส่เสื้อเหลืองเท่านั้นก็ไม่ได้หมายถึงความรักที่จริงใจแต่อย่างใด ถ้าประชาชนคนไทยยังไม่รู้จักหันกลับมามองว่า แล้ววันนี้เราพยายามทำอะไรเพื่อในหลวงและองค์มหาราชินีของเราบ้าง แน่นอน เราไม่สามารถทำสิ่งใดที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามีความหมายไห้พระองค์ท่านทั้ง 2 รับรู้ได้เหมือนเราทำไห้พ่อแม่ ญาติ เพื่อน ของเรา เราจึงละเลยที่จะสนใจ กลับไปแสดงออกทางด้านวัตถุอย่างการใส่เสื้อเหลือง ทำไห้เป็นที่นิยม เพียงเท่านั้น และหากเรายังไม่คิดจะเปลี่ยนค่านิยมในด้านนี้ แล้วหันมามองจริงๆจังๆเสียที ว่า เราจะทำอะไรเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักต่อในหลวงและองค์ราชินีได้บ้าง และคำตอบนั้นจะอยู่ในใจคนไทยทุกคน คือการลดภาระของพระองค์ท่านทั้งสอง แม้เพียงสองมือหนึ่งใจของใครเพียงคนเดียว อาจจะเปลี่ยนแปลงคนทั้งชาติไม่ได้ แต่สองมือหนึ่งใจของคนทั้งชาติที่รวมเป็นหนึ่งได้ ก็จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่แสดงถึงความรักต่อพระองค์ท่านทั้งสองจริงๆ และเป็นสิ่งที่ประเทศไทยขาดอย่างมาก คือ ความสามัคคีที่จะช่วยพัฒนาประเทศ มันก็เหมือนความสามัคคีที่จะใส่เสื้อเหลืองเฉลิมฉลอง ที่เราแสดงไห้ทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าเรานั้นทำได้ แต่ทำไมไม่ลองเปลี่ยนมาเป็นแสดงความสามัคคีที่จะลดการใช้เชื้อเพลิง แสดงความสามัคคีที่จะปลูกป่า แสดงความสามัคคีที่จะพัฒนาประเทศ ไม่ฉ้อราชบังหลวง ไม่คดโกงผู้อื่นดูบ้าง หากเราสามัคคีได้ดังนี้ ประเทศไทยก็จะก้าวไกล ถือเป็นรักอันยิ่งใหญ่ที่จะมอบไห้พระองค์ท่านทั้งสองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงทศพิศราชธรรม นำเมตตาธรรมอันเป็นเครื่องค้ำจุนโลก แผ่ให้กับคนไทยทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา และทุกลัทธิการเมือง อย่างเท่าเทียมกันนี้ ไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลยเป็นความสัตย์จริงที่สุด แต่ท่านที่คิดนำลัทธิอื่น ๆ มาล้มล้างความเป็นไทยต่างหาก ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับความเป็นไทย และพระองค์ท่าน ขอได้โปรดรับรู้ไว้โดยทั่วกัน และให้ความเป็นธรรม ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าท่านจะเป็นคนไทยเชื้อชาติไหน ศาสนาใด และนิยมลัทธิการเมืองใด ล้วนไม่มีความผิดทั้งสิ้น เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองนั้น ไม่ใช่คดีอาญา ต่างคนต่างหลงคิดว่าดี ตามความคิดของตน โดยไม่รู้เลยว่าไม่ควรไปเปรียบเทียบกับต่างชาติใด ๆ เลย เราต้องย้อนมาสำรวจ และพัฒนาตัวเองตามสถานการณ์วัฒนธรรมของตนต่างหาก โดยขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาประเทศไทย แล้วมองลงมาว่าปัจจุบันนี้ เมืองไทยมีอะไรบ้าง ลดความเห็นแก่ตัวที่ทำเพื่อพรรคพวกของตนลง หันไปให้ความเป็นธรรมกับพวกอื่น ๆ บ้างอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ที่แท้เราอยู่ร่วมชาติไทยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จะมาแก่งแย่งอำนาจรบราฆ่าฟันกันเองทำไม เรามาร่วมใจสมานฉันท์ รบกับต่างชาติ ด้วยอาวุธแห่งความเป็นมิตรไมตรีกับเขาต่างชาติทุก ๆ ชาติทุกลัทธิการเมือง

3 ความคิดเห็น:

  1. นู๊ รักพระเจ้าอยู่หัววว



    ^^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15 ธันวาคม 2552 เวลา 21:16

    เรารักเรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี

    เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี


    เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี

    ทรงพระเจริญ อิอิ ^^

    ตอบลบ